สาเหตุที่ทำให้ม้ามเสื่อมและเกิดโรค

 

สาเหตุที่ทำให้ม้ามเสื่อมก่อโรค ตอนที่ 2

 

 เครียด

อารมณ์      

          อารมณ์ของคนเราส่วนใหญ่เกิดจากการครุ่นคิดมากเกินไป ดังได้กล่าวไว้แล้วว่าม้ามมีหน้าที่ในการครุ่นคิด ตรึกตรอง
ยิ่งใช้สมองครุ่นคิดมากเท่าไร ก็ยิ่งเคร่งเครียดมากเท่าไหร่ม้ามก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น
การทำงานหนักมากกว่าปรกติย่อมเกิดความเสียสมดุล   เป็นเหตุให้ม้ามอ่อนแอและประสิทธิภาพ
เสื่อมถอยในการทำหน้าที่ต่างๆ ที่เป็นคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะเมื่อสมองถูกใช้งานมาก ครุ่นคิดมาก
ไตร่ตรองมาก กดดันมาก
ก็ต้องใช้พลังงานมากขึ้นตามปริมาณการคิด เท่ากับเป็นการลดทอนชี่เลือดลงไปมาก 

แพทย์แผนจีนเรียกว่า “สมองขโมยเลือดของม้าม” เราคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “คิดมากจนผมหงอกเต็มหัว”
นั่นคือผลของการทำงานหนักผิดปรกติของม้าม

          การครุ่นคิดอีกแบบหนึ่ง คือ . การคิดแบบวิตกกังวล คิดไม่ตก หาทางออกไม่ได้ อารมณ์ว้าวุ่น เครียด
ทำให้ทั้งม้ามและหัวใจอ่อนแอจนทำให้เกิดอาการ ใจสั่น นอนไม่หลับ ไม่สดชื่น ฝันมาก เป็นต้น


อารมณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ตับอั้นชี่คั่ง ม้ามอ่อนแอจนกลายเป็นไฟ
แล้วขวางลำไปกดและรบกวนการทำงานของกระเพาะและม้าม ชี่ตับอั้น ม้ามพร่อง ตับ กระเพาะ และม้าม
ต่างก็ทำงานไม่ประสานกัน รวนไปทั้งระบบการย่อย โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็ติดตามมา

 

 

 

 นอนไม่หลับ

การนอนดึก

          การอดนอน นอนดึก ไม่ว่าจะทำงานล่วงเวลาหรือไปเที่ยวเตร่ในยามค่ำคืน ทำให้พลังหยางของม้ามและไตพร่อง  ส่งผลให้หยางม้ามพร่องตามไปด้วย
ช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงที่ระบบการทำงานในร่างกายต่างๆ เข้าสู่ความสงบ อวัยวะต่างๆ ต้องมีเวลาในการพักซ่อมแซมตัวเอง สะสมยินหยางให้เพียงพอ
กับการทำงานเต็มที่ในวันรุ่งขึ้น แต่ถ้าหากในช่วงนี้กลับต้องทำงานใช้พลังหยางมาก ยินก็ไม่ได้สะสม และยิ่งนอนดึกและกินหรือดื่มหนักด้วย กระเพาะม้าม
ก็จะไม่ได้พักเลย นานๆเข้ากระเพาะม้ามก็จะไม่แข็งแรงโรคเกี่ยวกับกระเพาะม้ามจึงตามมา ร่างกายจึงอ่อนแอทรุดลงตามไปด้วย

 

รีบจนไม่กินอาหารเช้า 

การไม่กินอาหารเช้า

ชีวิตที่ต้องเร่งรีบไปทำงาน ไปเรียน หรือด้วยความเคยชิน  หลายๆคนอาจละเลยอาหารเช้า หรือกินอย่างเร่งรีบนิดหน่อย
เช่น กินขนมปัง กาแฟ อย่างดีก็มีไข่ดาวด้วย 1 ฟอง   แล้วก็ต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้า ก่อนจะไปทำงาน
นอกจากนี้ยังมีพวกที่ลดน้ำหนัก ไม่กินอาหารเช้า หรือหากจะกิน ก็กินแค่ผักผลไม้หรือของขบเคี้ยวเบาๆ เท่านั้น

หากเราไม่กินอาหารมื้อเช้า พลังไม่พอ ร่างกายจะไประดมพลังสะสมมาใช้ ถ้าเป็นครั้งคราวก็ยังพอไหว
แต่ถ้าหากเราไม่กินอาหารเช้าเป็นประจำทำให้สารอาหารที่เคยสะสมไว้ถูกนำมาใช้งานจนร่อยหรอ
ร่างกายก็จะค่อยๆอ่อนแอลง พอถึงช่วงบ่ายร่างกายจะอ่อนล้า ง่วง ซึม มึน คิดอะไรไม่ออก ไม่สดชื่น

 

ไม่ออกกำลังกาย 

การไม่ออกกำลังกาย

วันๆ นั่งอยู่กับที่ไม่ขยับ สุขสบายมากเกินไป หรือไม่ก็ทำงานที่ต้องนั่งนานๆ แทบจะทั้งวัน เคลื่อนไหวน้อย
พลังชี่ในอวัยวะหลักทั้งห้าไม่คล่องโบราณจึงมีคำกล่าวว่า

"หากคุณอยากแข็งแรงต้อง  “ควบคุมปาก ก้าวขาเดิน
ไม่เช่นนั้นแล้วกลไกในร่างกายจะถดถอยและเสื่อมสภาพ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆจะถามหา"

 

 

ม้ามเสื่อม 

เสื่อมโดยตัวกระเพาะม้ามเอง

ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ มีเกิด มีการเติบโตรุ่งเรือง มีเสื่อมถอย และดับไป อวัยวะต่างๆในร่างกายของเรา
รวมถึงกระเพาะม้ามในระบบย่อยที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายก็เช่นกัน เมื่อทำงานไม่หยุดหย่อนย่อมมีความอ่อนล้าเสื่อมสภาพลง
และง่ายต่อการเกิดโรคเป็นเรื่องธรรมดา
หรือแม้ว่าจะไม่มีโรคภัยเกิดขึ้นกับกระเพาะม้ามเลยก็ตาม

"แต่พอแก่ตัวลงการทำงานของกระเพาะม้ามย่อมต้องอ่อนแอลงเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอย
จึงเห็นได้ว่าผู้สูงอายุจะกินข้าวได้น้อยลง ย่อยยาก ทำให้ท้องอืด ท้องผูกหรือท้องร่วงง่าย"

 

 

 

Visitors: 111,599